แพทย์ มข. เผย กินดิบเสี่ยงตาบอด แนะ..กินสุก เพื่อป้องกันโรคพยาธิขึ้นตา

________จากกรณีที่มีการพบผู้ป่วยโรคพยาธิขึ้นตา จนทำให้ตาบอดที่จังหวัดพิษณุโลก  และล่าสุดมีผู้ป่วยโรคพยาธิปอดหนู หรือ พยาธิหอยโข่งขึ้นตา ได้ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมีนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง และด้านจักษุให้การตรวจรักษา

________เมื่อวันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565  .นพ.วีรจิตต์ โชติมงคล  อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น  และ รศ.พญ.สุธาสินี  สีนะวัฒน์  หน่วยจอตาและน้ำวุ้นตา  อาจารย์ประจำภาควิชาจักษุวิทยา  คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น  ได้ออกมาให้ความรู้ และวิธีการป้องกันการเกิดโรคพยาธิปอดหนู หรือพยาธิหอยโข่งให้แก่ประชาชน

ศ.นพ.วีรจิตต์ โชติมงคล อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

________.นพ.วีรจิตต์ โชติมงคล  กล่าวว่า  “โดยธรรมชาติวงจรชีวิตของพยาธิชนิดนี้ เมื่อเรากินตัวอ่อนเข้าไป ตัวอ่อนนั้นจะเข้าไปอยู่ในลำไส้ของเรา ทะลุลำไส้เข้าไปในกระแสเลือด และเจริญเติบโตที่สมอง เพราะฉะนั้นอาการของโรคนี้ส่วนใหญ่จะเป็นอาการปวดศีรษะอย่างมากอย่างที่ไม่เคยปวดมาก่อน กินยาแก้ปวดก็ไม่หาย  คนไข้ก็จะมาโรงพยาบาล ซึ่งในทางการแพทย์นั้น การปวดศีรษะมีสาเหตุมากมาย แต่หากซักประวัติพบว่าคนไข้มีประวัติการกินของดิบ ประเภทหอยน้ำจืดดิบ เช่น หอยจุ๊บ หอยโข่ง หอยเชอรี่  กุ้งฝอยดิบ หรือตะกวด ซึ่งเป็นพาหะของพยาธิมีตัวอ่อนของพยาธิระยะติดต่ออยู่ เมื่อตรวจร่างกายพบอาการอักเสบที่เยื่อหุ้มสมอง ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการคอแข็ง ก็จะวินิจฉัยโดยการเจาะน้ำไขสันหลัง และหากพบการอักเสบที่เข้าได้กับโรคนี้ จะมีการตรวจเลือดหาภูมิต้านทานของพยาธิตัวนี้ต่อไป  ซึ่งนาน ๆ ครั้งจึงจะพบเคสที่มีอาการรุนแรง ที่พยาธิได้ทำลายสมองจนคนไข้เกิดอาการโคม่าและเสียชีวิต ส่วนกรณีที่พยาธิไปปรากฏอยู่ในอวัยวะอื่น เช่น ตา นาน ๆ จะเจอเคสแบบนี้ เพราะการชอนไชไปที่อวัยวะอื่น ๆ ไม่ใช่วงจรชีวิตของพยาธิ แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้”

________“จากผลงานวิจัยจากโรงพยาบาลศรีนครินทร์  พบว่าการให้ยากลุ่มสเตียรอยด์ ในระยะเวลาประมาณ 2 อาทิตย์จะช่วยลดการอักเสบ และทำให้ลดอาการปวดศีรษะได้อย่างชัดเจน วิธีการนี้เป็นการรักษาที่เป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับกันทั่วโลก”

รศ.พญ.สุธาสินี  สีนะวัฒน์  หน่วยจอตาและน้ำวุ้นตา  อาจารย์ประจำภาควิชาจักษุวิทยา  คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

________ด้าน รศ.พญ.สุธาสินี  สีนะวัฒน์  กล่าวถึงกรณีการติดเชื้อพยาธิในลูกตาในพื้นที่ภาคอีสานว่า  “การติดเชื้อพยาธิในลูกตามีหลายชนิด แต่ชนิดที่พบมากที่สุด คือพยาธิหอยโข่ง พบมานานประมาณ 30 ปีแล้ว โดยเฉลี่ยช่วงหลัง ๆ มาจะพบกรณีศึกษาประมาณ 2 รายต่อปี จากทั่วภาคอีสาน เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ก็พบเคสที่เจอตัวพยาธิหอยโข่งทางด้านหน้าของลูกตา  ซึ่งโรงพยาบาลศรีนครินทร์ มีรายงานการพบจำนวนผู้ป่วยมากที่สุดในโลก โดยมีการตีพิมพ์ผลงานวิจัยแพร่หลายในฝั่งตะวันตกโดยมีการติดต่อขอรูปจากเรา เพื่อนำไปลงในตำราทางวิชาการ”

________“พยาธิในลูกตาสามารถพบพยาธิได้หลายชนิด แต่ที่พบมากที่สุด คือ พยาธิหอยโข่ง และเคสที่เพิ่งเจอล่าสุดก็เป็นพยาธิหอยโข่งเช่นกัน เป็นคนไข้ที่ส่งตัวมาจากจังหวัดเลย ซึ่งประมาณ 80% ของคนไข้จะมาด้วยอาการตามัว และหากเราตรวจร่างกายโดยการตรวจตา ดูลักษณะของพยาธิจะสามารถบอกได้ว่าเป็นพยาธิชนิดใด และส่วนใหญ่พยาธิที่ชอบชอนไช นอกจากพยาธิหอยโข่งแล้ว จะเป็นพยาธิตัวจี๊ด พยาธิตัวตืด แต่จะเจอได้น้อยว่าพยาธิหอยโข่งมาก  ซึ่งเกิดจากการรับประทานอาหารดิบ  ตัวพยาธิตัวนี้นอกจากรายงานพบในภาคอีสานแล้ว รายงานที่จังหวัดเชียงใหม่ก็มีเช่นกัน และส่วนใหญ่เคสที่พบ คือ มีพยาธิในตาแค่ตัวเดียว แต่ก็เคยมีรายงานว่าพบพยาธิสองตัวในตาเช่นกัน ซึ่งมีแค่เคสเดียวในโลก”

________“สำหรับพยาธิหอยโข่ง เป็นพยาธิชอบเนื้อเยื่อที่เป็นระบบประสาท ดังนั้น ผู้ป่วยจะมาด้วยอาการของเยื่อหุ้มสมองอักเสบมากกว่าตา การที่พยาธิมาที่ตาได้ คือจะชอนไชมาทางเยื่อหุ้มเส้นประสาทตา แล้วเข้ามาในลูกตา ซึ่งเชื่อว่าเป็นทิศทางของพยาธิที่เข้ามาในลูกตามากที่สุด ซึ่งพบน้อยมาก ประมาณสัก 1-1.1 % ของผู้ป่วยที่มีเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และจากการรวบรวมข้อมูลมา กว่า 20 ปี เราพบว่ามีคนไข้น้อยมากที่จะมีประวัติเรื่องของปวดศีรษะ หรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบนำมาก่อน  และมีคนไข้เพียงรายเดียวเท่านั้นที่พบว่าคนไข้มีเยื่อหุ้มสมองอักเสบในขณะที่เราวินิจฉัยว่าพบพยาธิที่ลูกตา คือ ขึ้นอยู่กับว่าพยาธิจะไปที่ไหนมากกว่า ส่วนความรุนแรงมีได้ตั้งแต่น้อยมากจนถึงผู้ป่วยมีอาการตาบอดแล้วก็มี และคาดว่าอาจจะขึ้นอยู่กับขนาดของพยาธิด้วย และก็ขึ้นอยู่กับว่าพยาธิชอนไชมาแค่ไหนแล้ว ในบางบางเคส เมื่อไข้มาถึงเราก็เห็นว่ามีร่องรอยของการชอนไชของพยาธิในลูกตามากแล้ว ขั้วประสาทตาซีดแล้ว นั่นแสดงว่าคนไข้เป็นมานานแล้ว แต่ในขณะที่บางรายคนไข้เห็นแค่รอยเงาดำ ซึ่งเป็นลักษณะของการเคลื่อนไหวของพยาธิในลูกตา เมื่อคนไข้เขาสังเกตว่าเห็นเงาดังกล่าว ซึ่งคนไข้ยังไม่มีอาการตามัว และมาพบแพทย์เร็ว ก็จะทำให้ผลการรักษาค่อนข้างดี”

________“สำหรับการรักษา ใช้วิธีการผ่าตัดเอาออก เพราะว่าตัวพยาธิเองหากมันตายก็จะก่อให้เกิดการอักเสบทำให้เนื้อเยื่อในตามีความเสียหาย แต่บางกรณี พยาธิอยู่ใต้จอตา การผ่าตัดจะต้องกรีดจอตาเพื่อหยิบพยาธิออกมา  แต่การผ่าตัดก็จะมีความเสี่ยงมากกว่า ดังนั้นเราจะใช้วิธีการยิงเลเซอร์ร้อน ซึ่งเป็นเหมือนกับการเผาพยาธิ และเป็นวิธีที่แนะนำสำหรับกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดเอาออกได้  หลังการรักษาผู้ป่วยประมาณ 70% การมองเห็นไม่ดีขึ้นแม้จะรักษาแล้ว ไม่ว่าจะด้วยการยิงเลเซอร์ ด้วยการผ่าตัด หรือว่าการรับประทานยาถ่ายพยาธิ ซึ่งการรับประทานยาถ่ายพยาธิไม่ได้เป็นการรักษาพยาธิที่เรามองเห็น เพราะเมื่อเราทานยาถ่ายพยาธิไปแล้วนั้น พยาธิจะไม่ได้ตายทันที จะต้องเอาพยาธิออกให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้พยาธิเข้าไปในตาอีกข้างหนึ่ง หรือเข้าไปในอวัยวะอื่น ๆ” รศ.พญ.สุธาสินี  สีนะวัฒน์  กล่าวในที่สุด

ศ.นพ.วีรจิตต์ โชติมงคล อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

________.นพ.วีรจิตต์ โชติมงคล  กล่าวทิ้งท้ายด้วยความห่วงใยว่า  “ขอให้หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารสุกๆ ดิบ ๆ ที่มีตัวอ่อนของพยาธิตัวนี้อยู่จากพาหะคือ หอยน้ำจืด หอยจุ๊บ หอยขม หอยเชอรี่ และอื่น ๆ จำพวกกุ้งฝอยดิบ ซึ่งการรับประทานอาหารสุกจะมีประโยชน์ในการป้องกันการติดเชื้อจากพยาธิหรือเชื้อโรคตัวอื่น ๆ จากการกินอาหารดิบด้วย”

ข่าว/ภาพ   :   มัลลิกา นาคเล็ก  นักศึกษาปฏิบัติสหกิจศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
ควบคุม/เผยแพร่   :   วัชรา   น้อยชมภู

Scroll to Top